การวางแผนการเงินในการเล่นพนันนั้น ถือเป็นหัวใจของนักลงทุนที่หวังจะเอาดีด้วยการพนัน ซึ่งบางคนมีโชคชะตาที่ดี และบางคนก็มีสูตรสำเร็จในการวางเดิมพันที่ให้ผลแน่นอน แต่นักลงทุนในเกมพนันจะประเมินสถานการณ์และวางเดิมพันอย่างพิถีพิถันกว่านักเสี่ยงโชค

ในการวางเดิมพันเกมพนันต่าง ๆ แผนการเดินเงินหลัก ๆ แบบเป็น 3 รูปแบบคือ

1. Flat Betting Strategy

2. Positive Progressive Betting Strategy

3. Negative Progressive Betting Strategy

แบบแรก Flat Betting Strategy นั้นมีหลักการง่าย ๆ คือลงเดิมพันเท่าเดิมทุกตา แบบนี้จะมีปัญหาตรงที่หากไม่สามารถเล่นชนะต่อเนื่องได้ก็ยากที่จะทำกำไรจากการเล่นพนัน ซึ่งนักเดิมพันจะไม่เล่นเนื่องจากเสียเวลาและไม่คุ้มค่าในการลงทุน

แบบที่ 2 กับแบบที่ 3 เป็นสองวิธีเดินเงินที่นักพนันทั่วโลกส่วนใหญ่ใช้ ในแบบ Positve Progressive Betting นั้นยึดหลักชนะเพิ่มหน่วยลงทุน เสียลดหน่วยลงทุน ซึ่งการเดินเงินแบบ Positive นั้นก็มีหลายแผน ที่นิยมใช้ก็มี พาโรลี่ ซิสเต็ม (Paroli System), รีเวิร์ส ล๊าบเชอร์ (Reverse Labouchere), 1-3-2-6 System, คอนทร้า ดิลอมแบร์ (Contra D’Alambert)

ขอยกตัวอย่างแบบพาโรลี่ ซิสเต็ม ในการเล่นรูเล็ตต์ ผู้เล่นเตรียมหน่วยลงทุนหน่วยละ 50 บาท แทงเฉพาะตำแหน่งที่มีอัตราจ่าย 1:1 ตาแรกวางเดิมพัน 50 บาทแล้วชนะก็เพิ่มทุนเป็น 100 บาท ชนะอีกเพิ่มเป็น 150 บาทและเป็นตาที่ผู้เล่นเสีย จะเห็นว่ากำไรที่ได้มา 150 บาทหมดไปในการเล่นแพ้ครั้งเดียว (ทุนยังอยู่) แต่ถ้าผู้เล่นชนะในเกมที่ลงทุน 150 บาท และมาเสียในตาต่อมาที่ลงทุน 200 บาท ผลการเล่นก็จะยังเหลือกำไร 100 บาท หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือว่า การเล่นชนะติดต่อกัน 3-4 ตาถึงแพ้สักตาหนึ่งจะทำให้พอได้กำไรอยู่บ้าง หากแพ้ต่อเนื่องกันทำให้ขาดทุนได้

ส่วนการเดินเงินแบบ Negative จะยึดหลักชนะลดหน่วยลงทุน ถ้าเสียเพิ่มหน่วยลงทุน ซึ่งแผนการเล่นที่นักเล่นนิยมใช้ก็มี มาร์ตินเกล (Martingale), ดิลอมแบร์ (D’Alambert), ล๊าบเชอร์ (Labouchere) และ ฟิโบนาคชี่ (Fibonacci)

ขอยกตัวอย่างฟิโบนัคชี่ ซึ่งใช้หน่วยลงทุน 50 บาท ถ้าเล่นตาแรกชนะคงหน่วยลงทุนเดิมไว้ แต่ถ้าแพ้เพิ่มไปด้วยอัตราหน่วยลงทุน 1-1-2-3-5-8-13-20-33 หรือคิดง่าย ๆ ว่าใช้หน่วยลงทุนสองตาก่อนหน้าที่เสียมาเป็นตัวตั้งในการวางเดิมพันตาใหม่ วิธีการนี้ในสองตาแรกถ้าแพ้ก็เพิ่มทุนไปอีกเป็น 100 บาท ถ้าเสียอีกเพิ่มเป็น 150 บาท ถ้าเสียอีกเพิ่มเป็น 250 บาท เมื่อเล่นชนะก็จะได้เงินกลับคืนมาในส่วนที่เสียไปอย่างรวดเร็ว แต่ความอันตรายของการเดินเงินแบบ Negative อยู่ตรงที่ทุนเสียสะสมจะสูงขึ้นมากอย่างรวดเร็ว

การเดินเงินแบบ Positive จะเน้นการทำกำไรแบบก้าวหน้า ผู้เล่นจะลงทุนเพิ่มตามจังหวะการเล่นได้ ทำนองขาขึ้นหรือมือขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงว่า หากแพ้ขึ้นมา กำไรที่ได้มาจากเกมที่ชนะก่อนหน้านี้จะหมดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การเดินเงินแบบ Negative ก็จะช่วยครอบคลุมโอกาสขาดทุนได้มากกว่า เพราะถ้าหากชนะในการเดิมพันมันจะคืนทุนในส่วนที่เสียไปก่อนหน้ากลับมาสู่ผู้เล่น แต่ปัญหาของแบบ Negative คือ ผู้เล่นจะต้องมีทุนมากพอที่จะเพิ่มหน่วยลงทุนหลังเล่นแพ้ติด ๆ กันหลายตาได้

ก่อนที่นักพนันจะเอาแผนการเดินเงินไปใช้ ควรได้ทดลองเดินเงินแบบสมมุติเพื่อให้เห็นแนวทางการเคลื่อนไหวของเม็ดเงินก่อนจะดีที่สุด เพราะการจะใช้แผนเดินเงินให้มีประสิทธิภาพ นักพนันจะต้องเข้าใจและมีความชำนาญในการวางเดิมพันในแบบต่าง ๆ โดยผ่านการฝึกฝนมาก่อนเท่านั้น